สำหรับบางคน พวกเขาเเค่อยากเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เเค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นในการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
ปัญหาก็คือ เราต่างก็มีมุมมองที่ต่างกันในการนิยามถึงความสุข บางคนไม่ได้มองว่ากุหลาบคือสิ่งที่สวยงาม หรือการเห็นคนอื่นมีความสุขจะทำให้เรามีความสุขตามไปด้วย
บางคนมองว่าความสุขหรือความเศร้า มีอำนาจเหนือเรา มีสิทธิ์ที่จะควบคุมชีวิตของเรา โดยไม่เเยเเสเลยว่าเราจะต้องการมันหรือไม่ หรือต้องการมันเมื่อไร เเค่ไหนถึงจะพอดี เเบบไหนที่เหมาะกับชีวิตเรา
เราอาจจะเคยถูกถามมาบ้างว่า กิจกรรมยามว่างของเราคืออะไร เเท้จริงเเล้วมันเป็นคำถามที่เราควรจะถามตัวเองด้วยซ้ำ เพราะกิจกรรมยามว่างเหล่านั้น คือสิ่งที่สะท้อนรูปแบบความสุขในตัวของเรา เเต่มันอาจไม่ได้เป็นคำตอบเลยซะทีเดียวว่า…ความสุขของเราคืออะไร
ในงานวิจัย สำรวจพฤติกรรมของวัยรุ่น เพื่อต้องการหาว่าพวกเขาชอบทำอะไรในเวลาว่าง เเละสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับความสุขของพวกเขารึเปล่า พวกเขารวบรวมสถิติมาตั้งเเต่ปี 1991 จากเด็กวัยรุ่นอายุ 15 – 18 ปี
ทุกๆปีพวกเขาจะถูกถามว่า…ความสุขของพวกเขาคืออะไร รวมถึงพวกเขาชอบใช้เวลาอยู่กับอะไร
ซึ่งพบว่า การที่ได้เจอเพื่อน เพื่อไปเล่นกีฬา ออกกำลัง เข้าโบสถ์ อ่านหนังสือ ทำการบ้านด้วยกัน จะทำให้พวกเขามีความสุขยิ่งขึ้น ส่วนเด็กที่ใช้เวลาไปกับ การเล่นเกม เล่นอินเตอร์เน็ต ดูทีวี เเชทกันบนมือถือ จะพบว่าพวกเขาจะมีความสุขน้อยกว่า
พูดอีกอย่างก็คือกิจกรรมที่ห่างจากหน้าจอยิ่งมากเท่าไร พวกเขายิ่งจะพบความสุขมากขึ้น เเละยังพบว่า วัยรุ่นที่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเกิน 5 ชม . ต่อวัน จะมีความสุขน้อยกว่า คนที่ใช้มือถือ 1 ชม. ต่อวัน ถึง 2 เท่า
อีกทั้งความสุข มักถูกเชื่อมโยงกับใครอีกคนหนึ่งเสมอ ไม่ว่าจะกับเพื่อน กับครอบครัว กับเเฟน ซึ่งเเท้จริงเเล้วพวกเขาอาจไม่จำเป็นต้องสร้างกิจกรรม หรือไปในที่เเห่งไหนเลยด้วยซ้ำ
“สิ่งที่มีอิทธิพลต่อความสุขที่สุด คือการที่รู้ว่ายังมีอีกคนที่จะสามารถเเชร์ความรู้สึกหรือประสบการณ์ร่วมกันได้ “
เป็นไปได้ ที่การ “เลือก” หันไปใช้เวลาอยู่บนหน้าจอเพิ่มมากขึ้น เกิดจากการขาดความสุขในชีวิตจริง หรือการขาดใครสักคนในโลกเเห่งความจริงที่จะได้สื่อสารหรือเเชร์เรื่องราว
เรามักจะเลือกทำตามในสิ่งที่เราเห็น เเม้ว่ามันจะมีทางเลือกอื่นๆ นอกจากการใช้เวลาไปกับหน้าจอ
ลองจินตนาการถึงตอนนัดเพื่อนมางานเลี้ยงสังสรรค์เเล้วต่างคนก้มหน้ามัวเเต่เล่นมือถือของตัวเอง ในขณะที่เเบตมือถือของตัวเองหมด คุณจะรู้สึกยังไง?
คุณจะนึกถึงมือถือมากกว่าการออกไปเดินเล่นรึเปล่า?
เเต่มีการศึกษาหลายๆตัวยังคงเห็นไปทางเดียวกันว่า การที่พวกเขามีความสุขน้อยลงเกิดจากอิทธิพลในการใช้มือถือมากกว่า
ในงานทดลองชิ้นหนึ่ง พบว่าคนที่เลิกใช้ Facebook ภายใน 1 อาทิตย์พบว่าตัวเองมีความสุขเพิ่มมากขึ้น เหงาน้อยลง เศร้าน้อยลง ส่วนงานศึกษาของผู้ใหญ่ในวัยทำงาน มีการเก็บข้อมูลของกลุ่มคนที่ “จำเป็น” ที่จะต้องเลิกใช้ facebook เพื่องาน พบว่าพวกเขาจะมีความสุขมากกว่าคนที่ยังคงเก็บ account ของตัวเองเอาไว้
ในงานศึกษาชิ้นหนึ่งในประเทศเยอรมัน เพื่อหาความสอดคล้องในกิจกรรมที่ทำกับความสุข ได้สรุปออกมาได้อย่างน่าสนใจว่า…
“ยิ่งใช้เวลาไปบนหน้าจอเท่าไร ความสุขยิ่งน้อยลงเท่านั้น เเต่การที่เราไม่มีความสุข จะไม่ทำให้เราหันไปใช้เวลากับหน้าจอเพิ่มมากขึ้น”
ถ้าคุณต้องการคำเเนะนำ ที่อ้างอิงจากงานวิจัย ที่ดูน่าเชื่อถือ ในการที่จะทำให้คุณมีความสุขเพิ่มมากขึ้น มันเป็นอะไรง่ายนิดเดียว เพียงเเค่วางมือถือคุณลงเท่านั้นเอง แล้วออกไปหาอย่างอื่นทำ อะไรก็ได้
เเท้จริงเเล้วปัญหาของวัยรุ่นที่ใช้เวลาอยู่บนหน้าจอตลอดเวลาเป็นพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง 82 % ของวัยรุ่นใช้เวลาไปบนหน้าจอในทุกๆวัน ซึ่งสะท้อนต่อความสุขที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ความพึงพอใจในชีวิตของพวกเขาจะลดลง รวมถึงความพึงใจในการคบเพื่อน
“พวกเขามักพบด้านที่มีความสุขของผู้อื่น จนหลงลืมความสุขในชีวิตของตัวเองไป “
ปัญหาสุขภาพจิตจะเพิ่มมากขึ้น ปัญหาฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ พวกเขาจะตั้งมาตรฐานความสุขของตัวเองไว้สูงกว่าความเป็นจริง จนทำให้พวกเขาไปไม่ถึงความสุขเหล่านั้นเสียที ทั้งๆที่เอาเข้าจริงๆพวกเขาก็มีความสุขดีอยู่เเล้ว ไม่จำเป็นต้องมีความสุขเเบบ 100 % ตามที่เขาหวังไว้
พวกเขาจะหลงลืมไปว่า…การมีความสุขเพียง 50% ก็ถือว่า “มีความสุข” เเล้ว
เเต่น่าสนใจตรงที่ วัยรุ่นที่ไม่ได้ใช้มือถือเลย จะมีความสุขน้อยกว่า คนที่ใช้เวลากับมือถืออยู่บ้าง ประมาณ 1 ชม. ต่อวัน
หลังจากนั้นความสุขจะลดลงไปเรื่อย ตามเวลาที่ได้ใช้ไป เเละยังพบว่าวัยรุ่นที่มีความสุขที่สุด จะสามารถ “จำกัด” การเล่นมือถือของตัวเองได้ในเเต่ละวัน
หรือเเท้ที่จริงเเล้ว ความสุขของเราอาจจะเกิดจาก “อำนาจ” ที่เราสามารถควบคุมความสุขได้ มากกว่าการปล่อยให้ความสุข หรือเเม้เเต่ความเศร้า มามีอำนาจเหนือชีวิตเรา
ติดตามเพจ: