มันมีอยู่จริง!!! คนที่รังเกียจคนมีความรู้ ( Anti-intellectualism )

คนเหล่านี้ได้เข้ามาต่อต้าน “เหล่าปัญญาชน” ผ่านทางการเมืองเเละการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ยาวนาน พวกเขาเข้ามาทำลายกลุ่มปัญญาชน ด้วยชุดความเชื่อผิดๆ โดยคิดว่า…ความเพิกเฉยของพวกเขา มีค่าเทียบเท่ากับความรู้ของกลุ่มปัญญาชน ซึ่งนั่นเป็นเเนวคิดประชาธิปไตยในโลกของ Anti-intellectualism

ต่อให้ปัญญาชนจะเเสดงความรู้มาสักเท่าไร พวกเขาจะตอบโต้โดยการ ทำเป็นเงียบ ไม่รู้ ไม่สน ไม่เเคร์ เเละมองว่าเป็นการต่อสู้ที่สูสี เที่ยงธรรม

Anti-intellectualism ( ไม่นิยมคนมีความรู้ )

เป็นเเนวคิดในการเชิดชูความโง่เขลาเเละจ้องจะทำลายคนที่ดูฉลาดๆ พวกเขามองว่าวิทยาศาสตร์ หนังสือให้ความรู้ ไม่ได้มีคุณค่าเท่ากับประสบการณ์จริง ประสบการณ์ตรง จนพวกเขาเข้าใจไปว่า “ไม่จำเป็นต้องอ่าน” ตำราที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นก็ได้ จนกว่าที่พวกเขาจะทำผิดพลาดจากทฤษฎีความเชื่อของตัวเองเสียก่อน

เเต่เดิมทีกลุ่ม Anti-intellectualism เป็นที่นิยมในกลุ่มที่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลก ( young Earth creationists ) พวกเขาจะเชื่อว่าเเนวคิดนี้ได้พิสูจน์มาเพียงพอเเล้วสำหรับขอบเขตของความเชื่อของพวกเขา เเละมองว่าเเนวคิดอื่นของโลกยุคใหม่ไม่ได้สำคัญอะไร

Anti-intellectualism มักถูกใช้บ่อยๆทางการเมือง เเละกลุ่มคนหัวรุนเเรง เช่นกลุ่มคนขวาจัดหรือซ้ายจัดทางการเมือง ในคราวที่กลุ่มปัญญาชนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับศาสนา ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อทางการเมืองบางอย่างของคนบางกลุ่ม กลุ่มคนที่ชื่นชอบเเนวคิดประชานิยม( Populists ) จะชอบเเสดงตัวออกมา พวกเขาจะหลงใหลในการโต้เถียงกับเหล่าปัญญาชนเป็นที่สุด เเละมีความสุขที่เห็นเหล่าปัญญาชนเถียงไม่ชนะ

พลเอก พล พต เป็นบุคคลที่มีเเนวคิด Anti-intellectualism อย่างชัดเจนคนหนึ่งเหมือนผู้นำหลายๆคนในเเถบแอฟริกา เขาเป็นผู้นำเขมรเเดงที่สั่งให้มีการสังหารหมู่ในกัมพูชา เขาไม่ชอบคนใส่เเว่นเพราะมองว่าเป็นคนฉลาดเเละน่ากลัว ต่อต้านเเนวความคิดชาติตะวันตก ปิดโรงพยาบาล ปิดโรงเรียน เเล้วไล่คนให้ไปเป็นเกษตรกรทั้งหมด

คนเเบบนี้จะไม่ชอบ ไม่สบายใจ อึดอัด เป็นกังวล รู้สึกนอยด์กับอะไรที่มันดูขัดเเย้งกัน หรือการปะทะกันของความคิดที่ต่างกัน พวกเขาจะไม่ชอบกลุ่มคนที่ชอบตั้งคำถามผิดหรือถูก พวกเขาจะหลีกเลี่ยงที่จะเข้ามามีส่วนร่วม หรือไม่ก็หาหนทางหยุดสถานการณ์เเบบนี้ เพราะมันจะทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้น

ในสังคมการเมืองยุคใหม่ Anti-intellectualism จะโน้มเอียงไปทางฝั่งขวา หรือเหล่าอนุรักษนิยมมากกว่า พวกเขามักจะนิยามปัญญาชนในทำนองที่ว่า…เป็นพวกเสรีชนผู้ที่รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง, ชอบมโนสร้างทฤษฏีความเชื่อบางอย่างขึ้นมา,หัวรุนเเรง,พวกไม่มีศาสนา ,พวกมาร์กซิสต์ มักจะถูกกล่าวหาว่าข้อมูลไม่เเน่น หลักฐานไม่มี ถึงมีก็อาจจะปลอม

เเต่…Anti-intellectualism จะไม่มีปัญหาใดๆเลยกับเหล่าปัญญาชน ยามที่พวกเขาเข้ามาอยู่ในฝั่งของตนเอง มิหนำซ้ำยังกลับยกย่องเชิดชูเสียอีก

ประเภทของการเหยียดคนมีความรู้

Richard Hofstadter , Dabiel J. Rigney เเละ Diane S. Claussen นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ได้วิเคราะห์ในหนังสือของเขา( Anti-Intellectualism in American Life ) ว่า  Anti-intellectualism จะมีอยู่ด้วยกัน 3 เเบบ นั่นก็คือ

1. Religious anti-intellectualism พวกเขาจะมองว่าศาสนาจะทำให้รู้สึกสงบ เเละมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น เเต่ความรู้โดยยึดหลักเหตุผลหรือการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ จะทำให้จิตใจด้านชา เป็นคนไม่ดี ไร้หัวใจเหมือนกับหุ่นยนต์

2. Populist anti-intellectualism จะมองว่าการตั้งคำถาม การสงสัย เป็นเรื่องการเมืองของพวกผู้ดีเเละคนที่มีการศึกษาสูง ที่คิดถึงเเต่ตนเอง

3. Unreflective instrumentalism จะมองว่า…เรียนไปก็ไม่ได้อะไร เสียเวลาทำมาหากิน เรียนไปก็เหมือนโดนล้างสมอง คนเหล่านี้จะชอบอะไรฉาบฉวยเเละได้เงินเร็วๆมากกว่า

สมมติว่าอยากเป็น Anti-intellectualism ต้องทำยังไง?

คุณอาจจะ…

– เชื่อว่านักวิชาการผู้ที่มีความรู้สูงในสาขาวิชาเฉพาะ ไม่ได้มีค่าพอที่จะต้องรับฟัง เพราะสิ่งที่พวกเขาอ้างไม่ได้มีพื้นฐานจากการทำงานจริงๆ หรือไม่ก็เพ้อฝันเกินไป

– สร้างสมมุติฐาน conspiracy theories  ขึ้นมาเยอะๆ ให้เหนือกว่าองค์ความรู้ในเชิงวิชาการ

– เชื่อว่าคนที่มีความรู้สูงเป็นพวกคนชั้นสูงที่ไม่ได้เเคร์อะไรกับประชาชน

– เชื่อว่าคนที่มีความรู้สูงจะทำให้สังคมวุ่นวาย เป็นบาป ศีลธรรมเสื่อมถอย

– เชื่อในสัญชาตญาณมากกว่าคำเเนะนำจากคนที่มีความรู้

– ทำลายพวกเขา ก่อนที่จะตรวจสอบให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ในสิ่งที่ผู้มีความรู้ได้อธิบายออกมา

 

ถ้าคุณไม่อยากเป็น Anti-intellectualism ก็ทำในสิ่งตรงกันข้ามเท่านั้นเอง…

 

 

 

Source : rationalwiki.org