ทำไมบางคนถึงมั่นใจตัวเองเกิ๊นนน – Self-Esteem / Self-confidence / Narcissism / Individualism

การเห็นคุณค่าในตัวเอง ( self-esteem )  กับความมั่นใจในตนเอง ( self-confidence )  มีความใกล้เคียงกันมากเเต่ก็ยังไม่เหมือนกันเสียทีเดียว

สิ่งที่เหมือนกันที่สุดของแนวคิดทั้งสองคือเรื่อง “ทัศนคติที่มีต่อตนเอง”

เห็นค่า “ตัวเอง” มากเเค่ไหนในสังคม มั่นใจ “ตัวเอง” มากเพียงใดในการแก้ปัญหา

Self-Esteem กับ Self-confidence ต่างกันยังไง?

Self-esteem จะเป็นความรู้สึกดีๆที่มีต่อตนเอง จะมีมากหรือมีน้อยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ในอดีต ส่วน Self-confidence คือความรู้สึกเชื่อมั่นในศักยภาพตัวเองในการจัดการกับปัญหา

เป็นไปได้ที่คนที่รักชีวิตตัวเอง ภูมิใจในตนเองสุดๆ จะขาดความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะถ้าพวกเขาไม่เคยขึ้นเวทีมาก่อนในชีวิต และก็มีให้เห็นเหมือนกันกับคนที่มั่นใจตัวเองสุดๆในที่สาธารณะ เเต่ก็ไม่รู้สึกภูมิใจในตนเองเอาซะเลย ชอบโทษ ชอบต่อว่าตัวเองอยู่บ่อยๆ

ด้วยเหตุที่ Self-esteem จะเชื่อมโยงกับประสบการณ์ เราจะเห็นได้จากนักกีฬาระดับโลกที่ผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างหนัก พวกเขาไม่ได้ฝึกเพียงให้ตัวเองรู้เท่านั้นว่าควรจะเล่นยังไง เเต่พวกเขาต้องการสร้างประสบการณ์ ให้ตัวเองได้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้น เมื่อลงสนามจริง

นักฟุตบอลที่ถูกจับนั่งเป็นตัวสำรองบ่อยๆย่อมมี ทั้ง Self-esteem และ Self-confidence  น้อยกว่าคนที่ลงสนามเป็นประจำ พอลงมาสนามจริงๆพวกเขาก็มักจะทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนักฟุตบอลหลายคนถึงไม่สามารถทนที่จะเป็นตัวสำรองได้ พวกเขารู้ว่า มันจะต้องใช้ระยะเวลา(ประสบการณ์ในสนาม)ประมาณหนึ่ง ถึงจะทำให้ Self-confidence ก่อตัวขึ้นมาได้ และแข็งแกร่งพอที่จะเเก้ไขสถานการณ์ในสนามให้ดีขึ้น

แต่ถ้ามี Self-esteem สูงเกินไป มันจะนำไปสู่…

Narcissism – หลงตัวเอง

เมื่อผู้คนมีพื้นที่ที่ไร้ขอบเขต และเกินขอบเขตในการเเสดงออกถึงความภูมิใจในตนเองบนโลกโซเชียลฯ พวกเขามีเเนวโน้มว่าจะเป็น Narcissism

ตัวอย่างที่ดีที่สุดของคนเหล่านี้คือ เเม่มดใจร้ายในเรื่องสโนไวท์ที่ชอบส่องกระจกเเละชมเเต่ตัวเอง

Narcissism จะพยายามหาลู่ทางที่จะรักษาคุณค่าของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลใดๆ พวกเขาจะไปอยู่ในโลกส่วนตัวที่ยึดตรรกะของตนเองเป็นที่ตั้งโดยไม่สนความคิดของคนอื่น สิ่งที่พวกเขาชอบทำคือการสร้างกลุ่มที่มีความเชื่อคล้ายๆกับตนเองขึ้นมา เพื่อทำให้ตรรกะที่ตัวเองได้สร้างไว้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและมองคนที่เห็นต่างจากกรอบความคิดของตนเองว่าเป็นพวกไร้สาระ ไร้ค่า คนละชั้น

Narcissism จัดว่าเป็นเป็นโรคทางจิตเวชแบบหนึ่ง มันมีความสอดคล้องอย่างมากกับยุคสมัยที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้เเสดงออกถึงความภูมิใจในตนเองอย่างเต็มที่ใน Facebook instagram

การที่ผู้คน กดไลก์ กดเเชร์ คอมเมนต์ ยิ่งทำให้ Narcissism ในตัวของคนเหล่านั้นเติบโตยิ่งขึ้น ถ้าคนเหล่านั้นได้สร้างตรรกะขึ้นมาว่า..

การเป็นจุดสนใจ = ประสบความสำเร็จ  = ฉันเป็นคนพิเศษ = ฉันงามเลิศในปฐพี (ในบริบทของแม่มดใจร้าย)

มีงานวิจัยพยายามสังเกตแนวคิด Narcissism ในโลกโซเชียลฯ ซึ่งพวกเขาสรุปออกมาได้ดังนี้

– พวกเขาจะชอบใช้สื่อโซเชียลฯในการเเสดงความคิดเห็นของตนเอง

– พวกเขาจะชื่นชอบการมีกลุ่มสนับสนุน เช่นยอดติดตามในโซเชียลฯ หรือสายสัมพันธ์กับ Narcissism คนอื่นๆ

– พวกเขาจะชอบมองภาพรวม ถ้าพวกเขาไม่ชอบองค์กรไหน ทุกคนในองค์นั้นจะกลายเป็นศัตรู

– พวกเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ขาดสติ

– มองไม่เห็นข้อผิดพลาด ข้อเสียในตนเอง แล้วดูเหมือนว่าจะไม่ยอมปรับปรุงเเก้ไขให้ดีขึ้น

– ใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างที่จะทำให้ตนเองรอดจากปัญหา

–  มีปัญหาด้านความสัมพันธ์กับคนอื่นเพราะให้ความสำคัญตัวเองสูงที่สุด

– มักจะโอ้อวดเกินจริงเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

แต่ Narcissism ก็จะมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกับ Individualism …

Individualism กับ Narcissism ต่างกันยังไง?

ใกล้กันมาก แต่ก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี ( เอาอีกแล้วนะ )

ผู้ใหญ่มักจะมองเด็กรุ่นใหม่ว่าเป็น  Narcissism  เป็นพวกชอบหลงตัวเอง ชอบถ่าย ชอบแชร์อะไรต่างๆในโลกโซเชียลฯ  มองอะไรตื้นเขิน  โดนหลอกง่าย

ซึ่งก็พอจะเข้าใจได้ เพราะผู้ใหญ่เหล่านั้นมองเด็กรุ่นใหม่ผ่านประสบการณ์ของตัวเอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่ากระบวนการในโลกออนไลน์ทำงานอย่างไร

สิ่งที่ผู้ใหญ่มักจะลืมไป คือ คนรุ่นใหม่เข้าถืงโลกดิจิทัลตั้งเเต่อายุยังน้อย ซึ่งเป็นวัยที่สมองมีการปรับตัวเเละเรียนรู้เร็วกว่าผู้ใหญ่ ทำให้กระบวนการคิดในสมองคนรุ่นใหม่ถูกปรับให้สอดคล้องกับโลกดิจิทัลอย่างเป็นธรรมชาติ

เหมือนคนป่าที่ถูกฝึกฝนให้วิ่งอยู่ในป่าแอมะซอนมาตั้งเเต่เด็ก กับนักสำรวจมากประสบการณ์ที่มาสำรวจป่าแอมะซอนเป็นครั้งแรก ลองจินตนาการดูสิว่าใครจะรอด?

คนรุ่นใหม่จะเเยกเเยะสิ่งที่อยู่ในโลกออนไลน์ได้ดีกว่าผู้ใหญ่เพราะธรรมชาติของสมองถูกฝึกมาแบบนั้น พวกเขาจะรู้ว่าอะไรก็ตามที่อยู่ในโลกออนไลน์มันจะไม่หายไปไหน พวกเขาจะรู้ว่าอินเทอร์เน็ตจะสร้างประโยชน์ให้กับตัวเขาได้อย่างไร  สร้างกลุ่มสังคมผ่านการเเชร์ประสบการณ์เเลกเปลี่ยนความคิดกันไปมาได้อย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพ รวมถึงจะสร้าง Self-esteem ให้กับตนเองได้อย่างไรด้วย

พวกเขามองเห็นสังคมได้รอบด้านในทุกๆระดับชนชั้น ทำให้เข้าใจสังคมในหลากหลายมิติมากกว่าคนรุ่นเก่าที่ผ่านการเรียนรู้จากสื่อไม่กี่ประเภทที่ถูกคัดมาอีกทีว่าเเบบไหนผิดแบบไหนถูก

เพราะฉะนั้นโลกโซเชียลฯในสายตาของคนรุ่นใหม่จะไม่ใช่เครื่องมือในการสร้าง Narcissism เหมือนที่คนรุ่นเก่าบางคนคิดและปฏิบัติ แต่มันจะเป็นเครื่องมือในการสร้าง Individualism  มากกว่า

Individualism  จะมองว่าโลกโซเชียลฯเป็นสื่อกลางในการเเสดงตัวตนของตนเองมากกว่า ว่าพวกเขาชอบอะไร ต้องการอะไร อยากเห็นสังคมเป็นแบบไหน สังคมเเบบไหนที่พวกเขาอยากจะเข้าไปอยู่  พวกเขาจะคอยสนับสนุนใครก็ตามที่มีจุดยืน มีความคิดเป็นของตนเองชัดเจนแล้วพยายามต่อสู้กับเเนวคิดนั้น เชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าทุกคนล้วนเสมอภาคกัน ไม่ยึดมั่นในความสมบูรณ์แบบ และเชื่อว่าชีวิตของเราจะต้องเป็นคนกำหนดเองไม่ใช่ให้ใครมากำหนด อันเป็นเเนวคิดสำคัญที่จะทำให้พวกเขารักตัวเองมากขึ้น

แต่ถ้า Individualism มีมากเกินไปก็จะทำให้เกิดผลเสียได้ไม่ต่างกัน

 

 

 

 

Sources : www.healthyplace.com/The Difference Between Self-Esteem and Self-Confidence www.mayoclinic.org/Self-esteem check: Too low or just right,  www.healthyplace.com/What Happens When Your Self-Esteem Is Too High, www.self-confidence.co.uk ,www.verywellmind.com

follow

 

 

One thought on “ทำไมบางคนถึงมั่นใจตัวเองเกิ๊นนน – Self-Esteem / Self-confidence / Narcissism / Individualism”

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

%d bloggers like this: