พลังในการมอง(ไม่)เห็น…ผ่านศิลปะ – Visual Intelligence

มีทักษะมากมายในโลกที่เราได้ถูกพร่ำสอนทั้งในตำราเรียน คำบอกเล่า คำชี้แนะจากอาจารย์ หรือจากคนที่เราเคารพนับถือ ส่วนใหญ่มีจุดประสงค์เพื่อให้เราสามารถนำทักษะนั้นไปใช้ในการประกอบอาชีพ หรือนำไปใช้ดำรงชีวิต ให้เราได้อยู่ในสังคมอย่างปกติสุขร่วมกับคนอื่นๆ

แต่สิ่งที่เรามักจะมองข้ามบ่อยๆ คือ ทักษะในการมอง และเข้าใจในสิ่งที่มอง เพราะการที่เรารู้ที่จะมองจะทำให้เรามีชีวิตที่ดีได้ รอดชีวิตจากภัยคุกคามที่ไม่พึงประสงค์ได้ หรือแม้แต่ช่วยทำให้เราได้เห็นว่า…

ทำไมลูกของเราเลือกที่จะทำตัวแบบนั้น ทำไมเพื่อนเป็นคนแบบนี้ ทำไมผู้บริหารถึงเเสดงออกแบบนี้

ทำไมตัวเราถึงเป็นอยู่อย่างงี้?

ความฉลาดทางการมอง(ไม่)เห็น – Visual Intelligence

ศิลปะสามารถทำให้ Visual Intelligence พัฒนาขึ้น

มันช่วยคนให้หางานได้ สร้างงานใหม่ๆขึ้นมาได้ ช่วยหน่วยซีลในการกู้ชีวิตได้ ช่วยนักสืบไขคดีได้ ช่วยพยาบาลที่ประสบปัญหาด้านความเครียดได้

ทักษะที่แท้จริงของการมอง คือ การมองอย่างช้าๆ มองอย่างระมัดระวัง เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับความทรงจำของเรา เราอาจเป็นคนที่มีความจำดีที่สุด แต่มันจะมีความหมายอะไรถ้าในความทรงจำนั้นไม่มีรายละเอียดที่เราสามารถนำไปต่อยอดได้เลย

เราสามารถเจออะไรที่สำคัญๆตลอดเวลาในชีวิต เพียงแค่เราลองใส่ใจกับมันเพิ่มสักหน่อย ลองถอยมาสักก้าว เพื่อมองสิ่งที่เราผ่านมันอยู่ทุกๆวันด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง และต้องการจะรู้ให้ได้ว่าอะไรกันแน่ที่เราได้พลาดไป

ศิลปะจะทำให้เราเห็นว่าเราควรอยู่ที่ไหน และมันจะค่อยๆเปิดเผยให้เราเห็นว่า อะไรที่เรากำลังมองอยู่

บางคนยังคงสงสัย คลางแคลงใจ เชื่อว่าศิลปะควรไปอยู่ที่ในพิพิธภัณฑ์ เชื่อว่ามันไม่มีแง่มุมใดที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้เลย หรืองานศิลปะเป็นเพียงของเล่นสำหรับคนรวยเท่านั้น

อาจจะเริ่มจากการมองงานศิลปะของ  Kumi Yamashita และพยายามตั้งคำถามว่า…เราเห็นอะไร?

มันเป็นภาพวาดรึเปล่า? มันทำมาจากอะไรกันแน่?

แต่พอเราเข้าไปใกล้เรื่อยๆก็จะพบว่าภาพนี้ถูกเขียนด้วยด้าย ที่ยึดติดกับเข็มแล้วรอยกันต่อเนื่องโดยที่เส้นด้ายไม่ขาดเลย

แต่รู้แล้วได้อะไรล่ะ?

แท้จริงแล้วคำตอบมันคือ “ทุกๆอย่าง”

เราเดินสวนคนเดิมๆ ที่เดิมๆอยู่ทุกวัน บางทีเราควรจะถามตัวเองให้ดีกว่านี้ว่าอะไรที่เรามองเห็น

การตั้งคำถามแนวนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในปัจจุบัน ที่ดูเหมือนทุกคนจะเร่งรีบไปหมด แต่ดูเหมือนว่า มีเพียงนักสังเกตเท่านั้นที่จะเห็น หรือหาคำตอบกับอะไรที่ดูซับซ้อนได้

เช่นนักฉายแสง MRI คนหนึ่งที่บอกกับ Amy Herman ผู้เขียนหนังสือ Visual Intelligence  ว่าการที่เธอฝึกการมองโดยใช้ศิลปะช่วยทำให้เธอมองเห็นจุดที่ผิดปกติในเครื่องMRIได้ หรือเช่นตำรวจคนหนึ่งที่บอกว่า การที่เขาจับการเคลื่อนไหวบางอย่างของคนที่วาดรูป ทำให้เขามองเห็นพฤติกรรมบางอย่างของคนร้ายได้ดีขึ้น หรือการเรียนรู้ถึงสีที่หายไปในรูปภาพที่ลูกเป็นคนวาด ทำให้พ่อแม่เห็นรายละเอียดต่างๆในสิ่งที่พวกเขาพูดและสิ่งที่พวกเขาไม่ได้พูด

Amy Herman ลองให้แต่ละคนลองวิเคราะห์หาความหมายของรูปนี้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคำตอบจะต่างกัน มันแสดงให้เห็นว่าแต่ละคนมีมุมมองอย่างไรเมื่อมีสิ่งร้ายๆเกิดขึ้น

El Greco – The Purification of the Temple

ผู้คนวิเคราะห์ไปต่างๆนานา แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในการทดสอบครั้งนั้นคือการที่ตำรวจคนหนึ่งบอกว่า “คุณเห็นผู้ชายใส่เสื้อสีชมพูตรงกลางไหม? นั่นแหละคนที่สร้างปัญหาทั้งหมด”

ชื่อผลงาน : ‘Untitled’ (Perfect Lovers) โดย Felix Gonzalez-Torres 

อย่างเช่นรูปนี้  ถ้าลองนำมาวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง ก็จะพบว่า นี่คือนาฬิกาที่ใช้ถ่าน ซึ่งมันจะมีนาฬิกาเรือนใดเรือนหนึ่งที่ถ่านหมดและตายไปก่อน อาจจะเหมือนชีวิตรัก ที่ทุกๆคู่จะต้องเผชิญ เป็นความรักที่สมบูรณ์แบบที่สุด ( Perfect Lovers )เหมือนชื่อของผลงาน

ดังนั้นศิลปะจะช่วยขยายมุมมองให้กว้างขึ้น เข้าใจภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงรายละเอียดเล็กๆที่อาจจะมองข้ามไป

Time Transfixed (La Durée poignardée) โดย René Magritte.

ภาพนี้เราจะเห็นบางสิ่งที่หายไป คนหนึ่งอาจจะบอกว่า เขาเห็นว่ามีรถไฟออกมาจากเตาผิง และมีเชิงเทียนอยู่บนเตาผิง

แต่อีกคนบอกว่า เขาเห็นรถไฟที่ไม่มีราง เตาผิงที่ไม่มีไฟและเชิงเทียนที่ไม่มีเทียนไข

แท้จริงแล้วภาพนี้พยายามอธิบายในสิ่งที่เรากำลังคิด และมิติในการมองเห็นของเรา

วิธีการคิดนี้บอกใบ้อะไรหลายๆอย่าง ทั้งต่อสิ่งที่เราได้ยินและสิ่งที่เราไม่ได้ยิน ต่อสิ่งที่เราได้เห็นและสิ่งที่เราไม่ได้เห็น

ถ้าเราเติบโตขึ้นมาในครอบครัวของคนชั้นกลางธรรมดาๆค่อนข้างยากจน เราอาจจะเคยสัมผัสกับสิ่งนี้มาก่อน

ตอนเด็กๆพ่อแม่อาจจะซื้อของเล่นดีๆมาให้เพื่อทำให้เราตื่นเต้น พาเราไปกินอาหารอร่อยๆที่จะทำให้เรามีความสุข จ่ายค่าเรียนพิเศษแพงๆให้เราได้ไปเรียนเหมือนกับเพื่อนๆ

พวกเขาได้แต่บอกเราว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไร โดยเฉพาะเรื่องการเงิน แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น กลายเป็นพ่อคนแม่คน เราจึงรู้ว่า..

แท้จริงแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ค่อยมีเงิน เราก็จะแบ่งเงินไปให้ลูกของเราได้เสมอ เราอาจจะยอมอดอาหารในบางที เพื่อให้ลูกของเราได้กินอาหารที่ดี

เราอาจจะไม่เคยได้ยินเลยว่าพ่อแม่ของเราลำบากขนาดไหน เครียดให้กับเรื่องงานมากแค่ไหน โดนเจ้านายตำหนิมายังไง

มันไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับพวกเขา แต่มันเป็นเพียงสิ่งที่พวกเขาไม่อยากให้เราต้องกังวลเท่านั้นเอง

Visual Intelligence ทำให้เราเห็นในสิ่งที่ “มองเห็น” และเห็นในสิ่งที่เรา “มองไม่เห็น” โดยไม่ละทิ้งกันเเละกัน

นี่คือผลงาน Jorge Méndez Blake – The Castle, 2007

ถ้าเรามองแบบผิวเผิน เราอาจจะมองว่านี่คือกำแพงอิฐธรรมดาๆ แต่ถ้ามองดูดีๆเราจะรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของสมุดเล่มนั้น ว่ามันมีความสำคัญต่อระบบมากแค่ไหน

เราอาจมองว่าหนังสือนั้นเหมือนแนวคิดที่แตกต่างที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้

เราอาจจะมองว่ากำแพงอิฐนี้อ่อนแอแค่ไหนที่จะล้มลง

เราอาจจะเชื่อมโยงกับพลานุภาพของนวัตกรรมสมัยใหม่ที่สามารถทำให้ระบบเก่าล่มสลายไปได้อย่างง่ายดาย หรือช่วยให้ระบบที่ล้าสมัยนั้นยังคงไว้ซึ่งโครงสร้างเหมือนเดิมได้เช่นกัน

ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการรู้วิธีสังเกต เพื่อจะเปลี่ยนสิ่งที่เห็นหรือสิ่งที่ไม่เห็น ให้เป็นอะไรที่สามารถใช้ในชีวิตจริงได้  ไม่ว่าเราจะมีทักษะไหนมาก่อนในชีวิต

การฝึกการสังเกตด้วยศิลปะนี้  อาจทำให้เรามองเห็นในสิ่งที่ซ่อนอยู่ อาจทำให้เราได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน อาจทำให้เราได้สร้างสรรค์ในสิ่งที่คนอื่นนึกไม่ถึง

ไม่จำเป็นต้องสังเกตผ่านงานศิลปะเสมอไป เเต่มันเป็นอะไรก็ได้ที่เรามักใช้ชีวิตโดยการ “มองข้าม” มันเสมอ

ไม่ว่าปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่จะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ด้วยคุณภาพของการสังเกตนี้ อาจจะช่วยทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นในการมองเห็นหนทางในการแก้ปัญหา แม้ว่าจะดูเหมือนว่า…เราไร้ซึ่งหนทางก็ตาม

 

 

Source :  www.ted.com

follow

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

%d bloggers like this: