ประเภทของการโกหก – Types of liars

เเท้จริงแล้วเราต่างก็สอดแทรกการโกหกเอาไว้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เป็นกลไกทางธรรมชาติเพื่อป้องกันความรู้สึกแย่ๆที่จะเข้ามาในชีวิต เช่น การบอกว่าเราสบายดีเพื่อไม่ให้ทางบ้านเป็นห่วงเรามาก การบอกว่าเราหล่อสวยที่สุดเพื่อให้เรามั่นใจยิ่งขึ้นในการขึ้นไปพูดบนเวที การชมแฟนของเราว่าดูดีที่สุด ตอนที่เธอกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าลดราคาอยู่ เพื่อจะได้กลับบ้านเร็วขึ้น

โกหกทำให้เรามั่นใจขึ้นได้ โกหกช่วยย่นระยะเวลาให้สั้นลงได้ โกหกทำให้ทีมชนะในการเเข่งขันได้ โกหกทำให้เราผ่านพ้นเรื่องเเย่ๆของวันได้ โกหกทำให้ผู้คนยิ้มได้ แต่โกหกก็สามารถสร้างปัญหาให้กับเราและผู้อื่นได้เช่นกัน

มีการโกหกหลายๆรูปแบบที่เราอาจจะได้เผชิญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น…

โกหกเพื่อสร้างสันติสุข – White Liars

ผู้คนรู้สึกว่า การโกหกแบบนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์ และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร มันจะมีความจริงบางอย่างปะปนอยู่ในคำโกหกนั้นเสมอ เช่น วันนี้คุณดูดีจัง(แต่เมื่อวานอาจจะดูดีกว่า) เพื่อที่แฟนของคุณจะได้อารมณ์ดีขึ้น และสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในวันนั้น

ผู้คนมักจะพูดไม่หมด และไม่เชื่อว่านั่นคือการโกหกแต่อย่างใด จุดประสงค์หลักคือการสร้างบรรยากาศที่ดี และลดความเจ็บปวดทางใจของผู้ที่ได้รับฟัง

เเต่มันจะสร้างปัญหามากๆในเชิงธุรกิจ ถ้าทีมงานโกหกแบบ White Liars ต่อผลงานที่ผ่านมาเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศเเย่ๆในที่ประชุม

การโกหกแบบนี้จับทางได้ไม่ยาก เมื่อคุณต้องการข้อเท็จจริงบางอย่างเพื่อพัฒนางานของตัวเองให้บอกพวกเขาไปตรงๆ

โกหกเพื่อ…อะไรก็ไม่รู้ – Careless Liars

คนแบบนี้จะติดนิสัยโม้ไปเรื่อยๆจนคนรอบข้างเอือมระอา ซึ่งตัวเองก็ไม่ค่อยจะรู้ตัวสักเท่าไร

พวกเขาจะเเค่โกหกเพราะมันสนุกดี อัตราความเลอะเทอะจะค่อนข้างสูง จับประเด็นไม่ได้ มักจะมีเรื่องโกหกใหม่ๆมาเรื่อย ช่างจินตนาการไปเรื่อย

ถ้าคุณเจอคนประเภทนี้ให้พยายามหลีกเลี่ยงในการคบหา เเต่ถ้าคุณอยากเเต่งนิยายสักเรื่องคุณอาจจะเข้าไปหาคนเหล่านี้เพราะพวกเขาจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจอยู่เสมอ

โกหกเพราะจำเป็น – Occasional Liars

พวกเขามีเหตุผลบางอย่างที่ซับซ้อนกว่าปกติ เเละจะรู้สึกสำนึกผิดในการโกหกนั้นอยู่ตลอดเวลา พวกเขาต้องการให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำโกหกนั้นให้อภัยเขาอยู่เสมอ

สิ่งที่ดีที่สุดของคนที่โกหกเเบบนี้ คือ นี่ไม่ใช่นิสัยที่เเท้จริงของพวกเขา และอาจจะเป็นหน้าที่ของคุณที่อาจจะเข้าไปช่วยเหลือ ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

พวกเขาอาจจะโดนทำร้าย หรือโดนข่มขู่จากใครบางคนอยู่

ถูกสร้างมาเพื่อโกหก – Compulsive Liars

พวกเขาจะตั้งค่าโกหกไว้เป็นค่าเริ่มต้นในระบบความคิดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก

รู้สึกผิดปกติ ไม่สบายใจเวลาพูดความจริงออกไป ซึ่งสภาวะเเวดล้อมในวัยเด็กจะมีผลอย่างมากต่อความคิดเเบบนี้

ในทางจิตวิทยาเเล้วคนเหล่านี้จะได้รับการกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนเเรงในช่วงเด็กๆ พวกเขาอาจจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการโกหก เพราะอาจจะเป็นหนทางเดียวที่ทำให้พวกเขาอยู่รอด

ครับ ได้ครับ ดีที่สุดครับ เจ๋งสุดๆไปเลยครับ ไม่เหนื่อยครับ ไม่หิวครับ ครอบครัวบางครอบครัวปลูกฝังว่าเด็กที่เรียบร้อย ไม่ค่อยพูด ไม่โต้เถียงเป็นเด็กดี ซึ่งนั่นอาจจะส่งผลกระทบทำให้เกิดอาการเเบบนี้ตอนที่พวกเขาโตขึ้น

พวกเขาไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงในเชิงฉลาดแกมโกง หรือจงใจจะควบคุมคนอื่น เเต่มันเป็นเพียงนิสัยที่ติดตัวมาจากวัยเด็กเท่านั้น

การโกหกแบบนี้จะมีความเชื่อมโยงต่อโรคจิตเวชที่จะต้องได้รับการรักษาทางจิตบำบัด เช่น โรคไบโพลาร์(Bipolar) ,โรคสมาธิสั้น -Attention deficit hyperactivity (ADHD) , ควบคุมแรงกระตุ้นไม่ได้ (Impulse control issues) , อาการเสพติด ( Substance dependency)ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง Borderline personality, โรคหลงตัวเอง (Narcissistic personality) 

อาการของพวกเขาจะดีขึ้นเมื่อสังคมได้สร้างความปลอดภัยเเละทำให้คนเหล่านี้เห็นประโยชน์ในการพูดความจริง

สุดยอดแห่งการโกหก – Pathological Lies

การโกหกแบบ Pathological Lies จะเป็นการโกหกที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในเชิงสร้างสรรค์ หรือมีคุณค่าใดๆต่อสังคม เราอาจจะรู้จักในนามการ “โกหกเอามันส์” เป็นโกหกเพื่อสร้างความรื่นรมย์ให้ตนเอง คนที่โกหกเเบบนี้จะสูญเสียความเชื่อจากเพื่อน จากครอบครัว ท้ายที่สุดการโกหกแบบนี้จะนำไปสู่เรื่องที่ผิดกฎหมาย เช่น การจ่ายส่วย ยัดเงินใต้โต๊ะ การโกง กลายเป็นนักต้มตุ๋น

บางครั้งพวกเขาก็ควบคุมได้ บางครั้งก็ควบคุมไม่ได้ เเต่ทั้งหมดจะเป็นการทำเพื่อให้ตัวเองได้รับประโยชน์สูงสุด

เป็นการโกหกที่เราต้องหลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะพวกเขาจะเเนบเนียน มองว่าการโกหกเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ไม่มีจิตสำนึกหรือความละอายใดๆ พร้อมจะควบคุมความคิดคนอื่นเเบบที่เราไม่ทันจะรู้ตัว

การโกหกไม่ใช่ปีศาจร้ายที่เราจะต้องทำลายล้างให้สิ้นซาก บางครั้งการจะรับมือกับคนที่ชอบโกหกอาจจะทำด้วยการมอบความรักเเละพยายามเข้าใจพวกเขาให้มากขึ้น ถ้าคุณเห็นว่าการโกหกนั้นมีจุดประสงค์ดีๆซ่อนอยู่ เช่น การโกหกเพื่อสร้างสันติสุข หรือการโกหกเพราะว่าจำเป็น

แต่เราต้องรู้เสมอว่าการโกหกบางอย่างไม่สามารถเเก้ได้โดยการส่งผ่านความรัก และความเมตตาให้เเก่กัน

บางทีเราอาจจะต้องเตือนสติตัวเอง และถามตัวเองว่า อะไรคือเหตุผล ที่เราปล่อยให้พวกเขาโกหกอยู่อย่างนี้ต่อไป?

ซึ่งอาจจะเริ่มต้นจากการไม่โกหกตัวเองให้ได้เสียก่อน

 

 

Sources: www.goodtherapy.org , psychologia.co, oureverydaylife.com, msu.edu, www.jstor.org

follow

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

%d bloggers like this: