เมื่อคุณไปญี่ปุ่น สิ่งหนึ่งที่จะดึงดูดคุณ ก็คือ…ตู้กดหยอดเหรียญ ที่มีกระจัดกระจายทั่วทุกที่ หลากหลายสินค้าที่น่าลอง ล่อให้คุณกดมาดูสักครั้ง
ตู้กดตัวเเรกเกิดขึ้นในช่วง 1950s จนมาถึงปัจจุบัน มีตู้กดมากกว่า 5 ล้านตู้ทั่วประเทศ เเละมีความหนาเเน่นมากที่สุดในโลก ประมาณการได้ว่า มี 1 ตู้ ต่อ 23 คน รวมๆกันเเล้วขายสินค้าไปได้มากกว่า 6 หมื่นล้านเหรียญต่อปี
[ Image source : Cary Strachan ]เเต่เหนือสิ่งอื่นใด ตู้หยอดเหรียญเหล่านี้ไม่ใช่เเค่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เเต่มันได้รวมเเนวคิด เเละวัฒนธรรมบางอย่างของชาวญี่ปุ่นเอาไว้ได้อย่างลึกซึ้ง
รายได้ขั้นต่ำ
ด้วยอัตราการเกิดที่น้อยลง ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น พบว่าอายุเฉลี่ยของประชากรญี่ปุ่นอยู่ที่ 46.9 และมีประชากรที่อายุเกิน 60 อยู่ที่ 26.3% ซึ่งสูงที่สุดในโลก อัตราการจ้างเเรงงานจึงต้องปรับให้สูงขึ้นตาม
ค่าเเรงขั้นต่ำก็ยังสูงเกินไปอยู่ดี อยู่ที่ 848 เยนต่อชั่วโมง ( 246 บาท ) 985 เยนในโตเกียว ( 287 บาท ) ความนิยมในการจ้างเเรงงานต่างชาติก็ยังคงน้อยอยู่
ตู้กดสาธารณะจึงเป็นหนึ่งในวิธีเเก้ไขปัญหานี้ เพื่อเป็นการลดการจ้างงาน ตู้กดต้องการเพียงพนักงานคนเดียวเพื่อที่จะมาเปลี่ยนสินค้า เเละเก็บเงินตอนที่เหรียญเต็ม
[ Image source : Jake Jung ]
ความหนาเเน่นของประชากรเเละค่าเช่าที่ราคาเเพง
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรกระจุกตัวกันหนาเเน่นสูงที่สุดในโลก 93% ของประชากรจะอยู่ในเมืองซึ่งนำไปสู่การขึ้นราคาค่าเช่าที่ ซึ่งมันจะดีกว่าที่จะสต๊อกของไว้ในตู้กด เเทนที่จะไปเช่าห้องเพื่อสต๊อกสินค้าอีกที อีกทั้งยังสร้างรายได้ได้มากกว่า ร้านสะดวกซื้อ ข้างทาง
[ Image source : jpellgen (@1179_jp) ]
ความปลอดภัย
เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นมีอัตราการก่ออาชญากรรมที่ต่ำมากๆ เช่นเดียวกับการลักขโมย จากการรายงาน Japan National Tourism Organization พบว่ามีน้อยมากๆที่ตู้กดจะโดนทุบหรือถูกทำลายถึงเเม้ว่าจะมีเงินมากมายอยู่ในนั้น เเม้ในที่เปลี่ยวๆ ซอกเล็กซอกน้อยตามถนน ที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน เนื่องจากตู้กดทุกตัวจะมีกล้อง เเละสัญญาณเตือน ที่จะถูกส่งไปที่ตำรวจโดยตรง
เงิดสด
เเม้ว่าญี่ปุ่นจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำยุคสุดๆ เเต่พวกเขายังคงนิยมใช้เงินสดอยู่ ตู้กดจึงเป็นทางออกที่ดีให้กับเศษเหรียญที่หนักกระเป๋า ผู้คนจึงใช้วิธีนี้เพื่อเป็นการจัดการกับเหรียญในกระเป๋า จนติดเป็นนิสัย
[ Image source : Finlay Stewart ]
เข้าถึงได้
ทุกๆคนสามารถมีตู้กดที่ขายสินค้าของตัวเองได้ คุณอาจต้องจ่ายค่าเช่าตู้ราวๆ 1 หมื่นเยนต่อเดือน ( 2,910 บาท) หรือถ้าอยากซื้อตู้ใหม่ๆมาเลยราคาจะอยู่ที่ตู้ละ 1.2 ล้านเยน ( 350,000 บาท ) ผู้คนจึงนิยมซื้อตู้มือ 2 มากกว่า ตู้ที่ได้รับควานิยมเเละราคาถูกสุดสามารถใส่ขวดน้ำได้ 360 ขวด เป็นตู้เก่าราวๆ 3 ปีที่หาซื้อได้ราว 2 เเสน – 3 เเสน เยน (6 -9 หมื่นบาท ) เเละด้วยการที่จะต้องเปิดไฟตลอด 24 ชม. บิลค่าไฟจะตกประมาณ 5 พันเยน ( 1,455 บาท )ต่อเดือน
เเต่ละตู้จะมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 4 หมื่นเยนต่อเดือน ( 11,643 บาท ) และมีโอกาสเป็นไปได้ถึง 5 เเสนเยน ( 145,529 บาท )ในจุดที่คนพลุกพล่านเช่นสถานีรถไฟฟ้า เเต่ที่ดีๆเเบบนั้นต้องจ่ายค่าเช่าสูง เเละการเลือกสินค้ามาใส่ไว้ในตู้ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน
ด้วยความที่เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เวลามากในติดตั้ง ผู้คนจึงนิยมขายของด้วยวิธีนี้เป็นรายได้เสริม ซึ่งเป็นไอเดียที่เข้าท่าเลยทีเดียว
Sources:
japantoday.com
www.businessinsider.com
ติดตามเพจ :
www.facebook.com/WeTheVaporTH