ในปี 1904 อมาดิโอ จิอันนินี่ ( Amadeo Giannini ) มองเห็นช่องโหว่ทางการตลาดบางอย่าง?
ผู้อพยพชาวอิตาลีที่ยากจนกำลังมองหาชีวิตใหม่ในอเมริกา บางคนอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค เเต่มีอีกส่วนหนึ่ง เป็นประเภทผู้ใช้แรงงาน ที่สามารถทำงานหนักๆได้ เช่น การหาปลา พวกเขาจะเลือกไปอยู่ที่ซานฟราซิสโก…
Giannini รู้เเละเข้าใจคนประเภทหนึ่งเป็นอย่างดี นั้นก็คือคนที่ทำงานหนัก รู้จักอดออม พวกนี้จะเป็นคนที่ “จริงจัง”
เขารู้ว่า คนเหล่านี้ต้องการธนาคารเพื่อที่จะเก็บเงิน อย่างปลอดภัย เเต่ไม่มีธนาคารที่ไหนเลย ที่ต้อนรับผู้อพยพชาวอิตาลี ที่ดูจนๆเหล่านี้ มีเเต่ธนาคารที่ต้อนรับเเต่พวกผู้ดี ผิวขาว
ซึ่งทำให้เขาเห็นลู่ทางบางอย่าง?
“ธนาคารที่จะต้อนรับผู้อพยพชาวอิตาลี”
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการสร้างเเบรนด์ เเต่สิ่งที่เขารู้คือ…ต้องเป็นแบรนด์ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากให้ได้
เขาเปิดร้านเล็กๆเเล้วติดป้ายหน้าร้านที่เขียนว่า Bank of Italy
เป็นป้ายที่บอกว่า…นี่คือที่สำหรับพวกคุณชาวอิตาลี ไม่ใช่พวกผู้ดีที่ไหน
ชาวประมงชาวอิตาลีฝากเงินที่ธนาคารนี้ เเละทำให้ Bank of Italy ประสบความสำเร็จ

เเต่ในปี 1906 เกิดแผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ที่ซานฟราซิสโก มีผู้เสียชีวิตมากมาย เเละทุกอย่างพังพินาศ
Giannini เอาตัวรอดโดยการทำตัวเป็นพ่อค้าขายส้ม ซึ่งเขารู้ดีว่า…ไม่มีใครสนใจพ่อค้าขายส้มหรอก
หารู้ไม่ว่า…ใต้รถเข็นนั้นเต็มไปด้วยเงินฝาก ที่ยังคงอยู่ในธนาคาร
เขาไปที่ท่าเรือ ซึ่งเป็นที่ที่ชาวประมงทำงาน เเล้วตั้งธนาคารเล็กๆตรงนั้นซะเลย
ลูกค้าต้องการกู้เงิน เพื่อนำมาสร้างบ้านเเละสร้างกิจการของตัวเองขึ้นมาใหม่
พวกเขาบอกว่าจะกู้ไปครึ่งหนึ่งของที่ Giannini มี เเละจะจ่ายคืนทั้งหมด บวกกับเงินดอกเบี้ย 50 %
คนพวกนี้จริงจัง เเละมีศักยภาพเพียงพอในการหาเงิน Giannini รู้เป็นอย่างดี
เเละก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ Giannini ได้รับเงินกลับมาทุกๆเพนนี
Bank of Italy กลับมาเติบโตอีกครั้ง เเละยิ่งใหญ่กว่าเดิม กระจายสาขาไปทั่วรัฐแคลิฟอเนีย
Giannini มองว่า…มันถึงเวลาเเล้วที่จะคิดว่า นี่ไม่ใช่เเค่ธนาคารสำหรับชาวประมงชาวอิตาลีอย่างที่เคยเป็น
เเละเขาก็ใช้วิธีเดิม!
เขาต้องการให้ชาวอเมริกันเชื่อว่า นี่เป็นธนาคารสำหรับพวกเขา
ในปี 1930 เขาเปลี่ยนชื่อธนาคารเป็น Bank of America
Bank of America เติบโตได้อย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ จนวิธีคิดเเบบนี้กลายเป็นสูตรในการตั้งชื่อของธนาคารอื่นๆ
ในปี 1958 พวกเขาเปิดตัวเครดิตการ์ด เป็นที่เเรกของโลก ซึ่งเรียกมันว่า BankAmericard ซึ่งเป็นต้นเเบบของเครดิตการ์ด ในธนาคารอื่นๆทั่วโลก
เพราะฉะนั้น มันหมายถึง “นี่ไม่ใช่เครดิตการ์ดสำหรับคนอเมริกันอีกต่อไป”
เขาต้องการเปลี่ยนชื่อมันอีกครั้ง
เเละมันจะต้องเป็นการ์ดที่บ่งบอกถึงอิสรภาพในการใช้จ่ายของคนทั่วโลกเเบบไร้พรมเเดน
ท้ายที่สุดชื่อของมันได้ถูกเปลี่ยนเป็น VISA
ทุกวันนี้มียอดการใช้จ่ายบัตรเครดิตตั้งเเต่ 62 พันล้านUSD ถึง 4.4 ล้านล้านUSD ต่อปี
พิสูจน์ให้เห็นว่า Giannini ถูกมาโดยตลอด
ว่าชื่อของแบรนด์นั้นเป็นสิ่งที่ใช้ในการโฆษณาได้ดีที่สุด
ติดตามเพจ