หลังจากที่โซเวียตส่งยูรี กาการินไปนอกโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 1961 ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกต่างตื่นตัวและเริ่มจินตนาการถึงการเข้าไปใช้ชีวิตที่ดาวดวงอื่น ท่องเที่ยวไปในอวกาศอันไกลโพ้น หรือเริ่มอยากจะค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกดู
นอกจากนี้ มันยังทำให้เกิดการแข่งขันกันว่า ประเทศไหนจะสามารถส่งคนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จเป็นชาติเเรก
ความสำเร็จของโซเวียต ทำให้ชาติมหาอำนาจที่เป็นคู่เเข่งสำคัญอย่างสหรัฐฯ รู้สึกว่าตัวเองจะอยู่เฉยๆไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
ในขณะเดียวกันประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งก็มองว่านี่คือโอกาสสำคัญของพวกเขาเหมือนกันที่จะทำให้ประเทศของพวกเขาเองได้ขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจเสียที
พวกเขามีเพียงภารกิจเดียวเท่านั้นที่ต้องทำให้ได้ นั่นคือการส่งคนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ก่อน 2 ชาติมหาอำนาจนั้น
ประเทศนั้นคือเเซมเบีย เป็นประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของแอฟริกา พวกเขาเพิ่งประกาศตนเองเป็นอิสระจากการเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักรในปี 1964 ซึ่งเป็น 3 ปีหลังจากที่โซเวียตได้ส่งยูรี กาการินขึ้นไปในอวกาศได้สำเร็จ
ก่อนหน้านั้นแซมเบียเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร และเป็นส่วนสำคัญในการส่งทหารไปช่วยอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่ง Edward Makuka Nkoloso คือหนึ่งในทหารเหล่านั้น
หลังจากที่สงครามสิ้นสุดในปี 1945 Nkoloso กลับมาเป็นอาจารย์ และยังได้เปิดโรงเรียนสอนวิทยาศาสตร์ในหลักสูตรของตัวเอง แสดงถึงความสนใจและคลั่งไคล้ในวิทยาศาสตร์ของเขาเป็นอย่างดี เเต่ก็ถูกปิดในเวลาต่อมา
ในปี 1956 – 1957 เขาได้ถูกจับกุม เพราะได้เข้าไปร่วมกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาล
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาได้ไม่นาน Nkoloso ได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองเต็มตัวพร้อมด้วยวิสัยทัศน์อันเเรงกล้าในการเปลี่ยนประเทศ สำหรับ Nkoloso แล้ว เเนวคิดเเรก ๆ ที่เขาคิดว่าจะทำให้แซมเบียขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจได้สำเร็จคือการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์ให้ได้เป็นชาติเเรกของโลก
จากนั้นเขาจึงได้ก่อตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์เเซมเบียขึ้นในปี 1960 ( Zambia’s National Academy of Science ) ในสถาบันจะมีการวิจัยด้านอวกาศ และสอนวิชาปรัชญา
แต่เขามองไปไกลกว่านั้น เพราะเขาคิดว่า “ทำไมไม่ส่งคนขึ้นไปดาวอังคารเลยล่ะ” และนั่นคือเป้าหมายของ Nkoloso อีกทั้งยังมั่นใจสุดๆว่าที่ดาวอังคารจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนนั้น
Nkoloso ต้องการสร้างศูนย์เผยแผ่ศาสนาคริสต์ที่ดาวอังคาร โดยเขาจะส่งนักบินอวกาศหญิง Matha Mwambwa อายุ 17 ปีขึ้นไป พร้อมกับเเมว 2 ตัวที่ถูกฝึกมาอย่างดี และนักเผยเเผ่ศาสนา 1 คน
Nkoloso ยังย้ำนักเผยเเผ่ศาสนาว่า เขาจะต้องไม่บังคับให้ชาวพื้นเมืองของดาวอังคารนับถือศาสนาคริสต์ถ้าพวกเขาไม่ต้องการจริงๆ
Nkoloso มั่นใจว่านี่จะเป็นก้าวที่สำคัญของชาวเเซมเบีย ที่นอกเหนือจะทำให้พวกเขาเป็นชาติมหาอำนาจแล้ว ยังทำให้พวกเขาได้มีอำนาจสูงสุดในสวรรค์ทั้ง 7 อีกด้วย!!!
ยานอวกาศที่จะถูกส่งขึ้นไปมีชื่อว่า D-Kalu ทำด้วยอลูมิเนียมและทองเเดง มีกำหนดการส่งยานขึ้นไปวันที่ 24 ตุลาคม 1964 ซึ่งตรงกับวันประกาศอิสรภาพของประเทศ แต่รัฐบาลในตอนนั้นไม่เห็นด้วยเพราะกลัวว่าชาวเมืองอาจเป็นอันตราย
พวกเขาได้สร้างศูนย์ฝึกนักบินอวกาศขึ้นมา มีนักบินอวกาศฝึกหัดชาย 10 คน เเละ Matha Mwambwa เด็กหญิงคนเดียวของโครงการ
พวกเขาจะฝึกโดยการเอาตัวเองไปอยู่ในถังน้ำมันแล้วกลิ้งลงมาจากเนิน ถ้าคนไหนรู้สึกเวียนหัวก็ถือว่าไม่ผ่าน พวกเขาจะถูกเหวี่ยงไปมาด้วยเชือกยาวเหมือนการเล่นชิงช้า พอถึงจุดที่มีความเร็วสูงสุด เชือกจะถูกตัดเพื่อให้นักบินอวกาศฝึกหัดได้เรียนรู้กับสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง โดยใช้ชื่อระบบนี้ว่า “the mulolo” อีกทั้งยังให้นักบินอวกาศฝึกหัดฝึกเดินโดยใช้มือเพราะเชื่อว่านี่เป็นวิธีการที่จะใช้เดินบนดาวอังคาร
มันเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจมากๆในตอนนั้น แต่นักข่าวไม่รู้จะเขียนมันยังไงให้คนเชื่อ เพราะไม่แน่ใจจริงๆว่า Nkoloso ซีเรียสแค่ไหนในปฏิบัติการนี้ ซึ่ง Nkoloso ได้ให้สัมภาษณ์ว่า…
“ผู้คนหาว่าผมบ้า…แต่ผมจะหัวเราะออกมาในวันที่ผมสามารถปักธงชาติแซมเบียที่ดวงจันทร์ได้สำเร็จ”
Nkoloso ได้ตั้งงบประมาณให้กับโครงการนี้ที่ 20 ล้านเหรียญโดยใช้การระดมทุนจากนานาประเทศรวมถึง UNESCO ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้รับเงินในส่วนนี้
แม้ว่าเขาจะเรียกร้องการสนับสนุนเงินทุนจากชาติต่างๆ แต่ในรายละเอียดนั้นก็ไม่เปิดเผยขั้นตอนใดๆของโครงการนี้ชัดเจน Nkoloso ให้เหตุผลว่า…
“คุณไม่สามารถไว้วางใจใครได้ทั้งนั้นกับโครงการที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ไอเดียบางอย่างของเรานั้นล้ำหน้าไปไกลสัก 6 – 7 ปีก่อนสหรัฐฯ และโซเวียตเสียอีก จะไม่มีใครได้เห็นว่ายานอวกาศของเรานั้นหน้าตาเป็นอย่างไร”
แต่เขาบอกใบ้ว่า พวกเขาเคยลองผูกเชือกกับต้นไม้สูงๆ แล้วพยายามเหวี่ยงคนขึ้นไปในอวกาศมาแล้ว โดยใช้แนวทางของ “The Mulolo”
ปัญหาเข้ามามากมายสำหรับโครงการอวกาศของ Nkoloso นอกจากจะหาเงินไม่ได้เเล้วพวกเขายังประสบปัญหาที่นักบินอวกาศฝึกหัดไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมของตัวเองได้?
Nkoloso ออกมาชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นว่า… มีนักบินอวกาศฝึกหัดที่เจ๋งที่สุด 2 คนหนีไปดื่มเหล้าแล้วไม่กลับมาอีกเลย บางคนเรียกร้องเงินราวกับว่าเป็นดาราหนัง บางคนเลิกสนใจโครงการนี้แล้วไปเข้าร่วม “กลุ่มเต้น” ของชนเผ่าอื่นแทน บางคนไม่สนใจฝึกเท่าที่ควร เพราะมัวเเต่เอาเวลาไปร่วมรักกัน นักบินอวกาศหญิงความหวังหนึ่งเดียวของประเทศ Matha Mwambwa ตั้งท้อง หลังจากนั้นครอบครัวของเธอก็เอาเธอกลับไป
ความหวังของ Nkoloso ได้สิ้นสุดลงตอนที่สหรัฐฯ สามารถส่งคนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้สำเร็จในปี 1969 และเเนวคิดที่จะส่งคนไปในอวกาศของชาวเเซมเบียได้ตายไปพร้อมกับ Nkoloso ในปี 1989
ผู้คนในแซมเบียยังคงยกย่อง ชื่นชมเขาจนถึงปัจจุบันในฐานะของ “คนที่มีความฝัน” ซึ่งมันทำให้คนแซมเบียได้รู้ว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะฝันเช่นกัน